ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะเผชิญกับอาการปวดบริเวณต้นคอเพิ่มมากขึ้นซึ่งมีสาเหตุจากการพัฒนาเทคโนโลยี การใช้คอมพิวเตอร์ การใช้โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น ผู้ใช้งานก้มคอใช้อุปกรณ์เหล่านี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้เกิดปัญหาปวดเมื่อยบริเวณต้นคอ และสาเหตุอีกอย่างคือประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้ประชากรมีอายุสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาของโรคข้อเสื่อมและหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม และพบปัญหาอาการปวดคอเพิ่มมากขึ้น
การปวดคอของโรคกระดูกคอเสื่อมเกิดขึ้นเมื่อหินปูนที่เกาะกระดูกและเอ็นไปกดเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการ ปวดคอร้าวไปยังแขนและเกิดอาการชาที่แขน มักปวดหลังคอบริเวณ 2 ข้างของกระดูกสันหลัง อาจปวดร้าวขึ้นไปถึงท้ายทอย หรือ ลงมาบริเวณสะบัก และปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือออกแรง ถ้าไม่มีการปวดร้าวมาที่แขน แสดงว่ายังไม่มีการกดเส้นประสาท แต่จะปวดกระดูกและข้อต่างๆ ในกระดูกสันหลัง ซึ่งมีการเสื่อมสภาพไป
โรคกระดูกคอเสื่อม นับเป็นอีกหนึ่งโรคของการเจ็บปวดของกระดูกที่พบได้มากในปัจจุบัน สาเหตุสำคัญคือ เมื่ออายุมากขึ้น ข้อต่อต่างๆ ระหว่างกระดูกคอแต่ละปล้อง ที่ได้รับแรงกระแทกมานาน มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะโครงสร้างไป เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังที่มีส่วนประกอบของน้ำ เปลี่ยนจาก 88% ในเด็ก เป็น 70% ในคนอายุ 72 ปี ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังยุบลง (คนอายุมากจึงเตี้ยลงกว่าเดิม) และมีความยืดหยุ่นลดลง ส่งผลให้ส่วนอื่นที่อยู่รอบข้างต้องรับแรงกระแทกมากขึ้นกว่าเดิม
การรักษาโรคกระดูกคอเสื่อม
โดยทั่วไป การรักษาจะเป็นไปในรูปแบบของการชะลอการเสื่อมของกระดูกคอ ด้วยการนอนพัก ประคบร้อน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การทำกายภาพบำบัด หรือใช้คลื่นวิทยุ หากไม่มีความจำเป็นมักจะไม่ทำการผ่าตัด เนื่องจากผลการผ่าตัดยังไม่ดีเท่าที่ควร